
สำหรับใครที่มีความเสี่ยงเรื่องฟันผุ หรือโรคเหงือกควรไปพบหมอฟันอย่างน้อยปีละครั้ง ส่วนใครที่มีความเสี่ยงสูงอาจต้องไปพบหมอฟันทุกๆ 3 เดือน หรือบ่อยกว่านั้น สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง มีดังต่อไปนี้
– คนที่สูบบุหรี่
– หญิงตั้งครรภ์
– ผู้ป่วยเบาหวาน
– คนที่มีปัญหาโรคเหงือก
– คนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอซึ่งตอบสนองต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย
– คนที่ฟันผุง่าย หรือเกิดคราบพลัคจำนวนมาก
ทำไมถึงต้องไปตรวจสุขภาพฟัน
แม้ว่าคุณอาจจะดูแลช่องปากแล้วอย่างดีตอนอยู่ที่บ้าน คุณยังคงต้องไปพบหมอฟันสม่ำเสมอ เพราะหมอฟันสามารถตรวจหาปัญหาที่คุณไม่สามารถเห็นหรือสัมผัสเองได้ การปล่อยให้เกิดปัญหาจะยิ่งทำให้การรักษานั้นยากมากขึ้นในอนาคต ปัญหาเกี่ยวกับฟันหลาย ๆ ครั้งเป็นปัญหาที่ไม่สามารถมองเห็นหรือไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใด ๆ จนกว่าจะลุกลามจนกลายเป็นระยะที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษในการรักษา ยกตัวอย่างเช่น ฟันผุ โรคเหงือก และมะเร็งช่องปาก การพบหมอฟันสม่ำเสมอ คุณหมอจะสามาสรถตรวจหาอาการของโรคดังกล่าวได้เร็วขึ้น และสามารถรักษาปัญหาได้ในระยะที่สามารถจัดการได้
ทำอะไรบ้างระหว่างทำการตรวจสุขภาพฟัน
ในการตรวจสุขภาพฟันแต่ละครั้ง คุณหมอจะทำดังนี้:
– ตรวจฟัน เหงือกและช่องปากของคุณ
– สอบถามปัญหาสุขภาพทั่วไปของคุณและปัญหาใด ๆ ที่คุณอาจพบซึ่งเกี่ยวกับฟัน เหงือกหรือช่องปากของคุณนับตั้งแต่หลังการพบหมอฟันครั้งสุดท้าย
– สอบถามเพิ่มเติม และให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการทานอาหาร การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการทำความสะอาดฟันในทุกวัน
– ทำการนัดวันตรวจในครั้งต่อไป
คุณหมอจะทำการรักษาอะไรบ้าง
คำแนะนำต่อไปนี้เกี่ยวกับการเข้าตรวจสุขภาพฟันเท่านั้น คุณอาจทำการนัดคุณหมอเพิ่มเติมเพื่อทำการรักษาฟันเช่น การอุดฟัน การทำความสะอาดฟัน รักษาฟันแตกหรือการรักษากรณีด่วน
ในระหว่างที่ทำการตรวจสุขภาพฟันและพบว่าฟันคุณมีปัญหา อย่ารอช้า ให้ติดต่อนัดแผนกศัลกรรมฟัน ในกรณีฉุกเฉินช่วงนอกเวลาทำการ ให้ติดต่อแผนกศัลกรรมตามหมายเลขปกติ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งขั้นตอนการเข้ารักษาฟันแบบฉุกเฉินให้คุณทราบ
หากคุณดูแลฟันและเหงือกแล้วเป็นอย่างดี และทางหมอฟันก็ตรวจไม่บปัญหาฟันผุ หรือโรคเหงือกใด ๆ ในช่วง 2-3 ปี คุณหมออาจทำการขยายวันนัดหมายให้นานกว่าเดิม สอบถามคุณหมอฟันเกี่ยวกับตารางนัดหมายที่สะดวกที่คุณสามารถเข้าพบคุณหมอได้อย่างต่อเนื่อง